วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โจทย์คณิตชวนคิด
1.โยนเหรียญบาทหนึ่งเหรียญ99ครั้ง พบว่าออกหัว55ครั้ง ออกก้อย44ครั้งถ้าโยนเหรียญบาทเพิ่มอีก1ครั้งโอกาสที่เหรียญ จะออกก้อยเป็นกี่เปอร์เซ็นต์

วิธีทำ เป็นปัญหาเชาว์นะครับ เนื่องจากเหรียญที่โยน 1 ครั้งมีโอกาสออกไม่ออกหัว
ก็ออกก้อย ดังนั้นเป็น 50%:50% ไม่ว่าจะเพิ่มอีกกี่ครั้งก็จะออกหัว
50 % ออกก้อยอีก 50 %

ตอบ 50%
ขอบคุณสำหรับข้อสอบดีๆจาก
http://www.penguin-utd.com/archives/192


2.ถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเท่ากับ 10% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยฝากออมทรัพย์เท่ากับ 7.5% ต่อปี ณัฐดนัยฝากประจำเป็นเงิน 120,000 บาท อยากทราบว่า ณัฐดนัยจะต้องฝากออมทรัพย์เป็นจำนวนเท่าไหร่จึงจะได้ผลตอบแทน 9% ของเงินฝากทั้งหมด
ก.10,800
ข.12,000
ค.48,000
ง.80,000
จ.100,000


ตอบ 80,000

3.พจน์ที่ 12 ของอนุกรม 1,2,3,5,7,11,13,17,… มีค่าเท่าใด

ก.31
ข.29
ค.27
ง.21
จ.มีคำตอบใดถูกต้อง
วิธีทำ

ข้อนี้เป็นอนุกรมเลขคณิตเปล่าหว่า เอ๊ะ ไม่ใช่ พจน์ขวา-พจน์ซ้ายมันไม่เท่ากันอนุกรมเรขาคณิตก็ไม่ใช่นิ พจน์ขวา/พจน์ซ้ายก็ไม่เท่ากัน ที่เรียนมาก็หมดแล้วนิ จาทำไง ก็ใช้การสังเกตครับ จากอนุกรมที่ให้มาจะเห็นว่าเลขทั้งหมดจะเป็นจำนวนเฉพาะคือตัวมันเองและ 1 ที่หารลงตัว ดังนั้นพจน์ที่ 12 ก็ไล่เลย 1,2,3,5,7,11,13,17,19,23,29,31,…ได้ละ 31
ตอบ 31

4.ข้อห้า คนงาน 3 คน รวมกันทำงานใช้เวลา 18 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ ถ้า 4 คนช่วยกันทำ จะใช้เวลากี่ชั่วโมงจึงจะเสร็จ
ก.27 ข.24 ค.15.5 ง.13.5 จ. 12


วิธีทำ
1.สงสัยเทียบบรรญัติไตรญางค์ธรรมดาคน 3คนใช้เวลา 18ชั่วโมงคน 4 คนใช้เวลา24ชั่วโมง จาบ้ารึ 4 คนทำได้ 24 ชั่วโมง บ้าที่สุด แล้วจะเพิ่มคนทำไมถ้าได้เวลา มากกว่าเดิมข้อนี้คือการเทียบสัดส่วนผกผันวิธีการทำคือ

1.เอาสิ่งของสิ่งเดียวกัน เข้าอัตราส่วนกัน
2.โจทย์ถามหาสิ่งใดให้เป็น x
3.ถ้าสิ่งใดเป็นสัดส่วนตรงไม่ต้องกลับอัตราส่วน แต่ถ้าสิ่งใดเป็นสัดส่วน ผกผัน ก็จะกลับอัตราส่วน
4.ใช้หลักของสัดส่วน
เอา คนไว้กับคน ชม.ไว้กับชม. โจทย์ถามหาชม.ให้เอาชม.ไว้กับชม.ทางซ้ายมือ และตัวแปรไว้ทางขวามือ แล้วเรารู้ว่าถ้าชม.ลด คนต้องเพิ่ม ชม.เพิ่ม คนลดจึงเป็นสัดส่วนกลับจึงต้องกลับคน
ชม. : ชม. คน : คน 18 : x 3 : 4
ต้องกลับคนเพราะสัดส่วนกลับเป็น
18 : x 4 : 3
เป็นสมการได้ ได้ x =13.5
ตอบ 13.5 ครับ
ที่มา
http://www.penguin-utd.com/archives/category



5.เด็กคนหนึ่งเกิดในเดือนกันยายน เขาบอกเพื่อนคนหนึ่งว่าวันเกิดของเขาเป็นพหุนามของเลข 3 หรือสอดคล้องกับสมการ x3 – 10x2 +27x -18 = 0 จงหาความน่าจะเป็นที่เพื่อนทายวันเกิดของเขาได้ถูกต้อง
ก. 1/11
ข. 2/3
ค. 11/15
ง. 11/30

วิธีทำการที่เด็กบอกลักษณะวันเกิดของเขาให้กับเพื่อนก็เเสดงว่าวันเกิดของเขาที่เพื่อนควรจะทายนั้นต้องเป็นวันใดวันหนึ่งในวันเหล่านั้น นั่นคือเป็นการบอกจำวนวนสมาชิกของเเชมเปิลสเปซนั่นเองพิจารณาวันที่เป็นพหุคูณของ 3 วันเหล่านี้ก็คือวันที่มี 3 เป็นตัวคูณร่วม ซึ่งได้เเก่ 3 6 9 12 15 18 21 24 27 30
พิจารณาตัวเลขที่สอดคล้องกับสมการ x3 -10x2 +27x – 18 = 0
( x-1 ) ( x-3 ) ( x-6 ) =0
X = 1 ,3 ,6
เนื่องจาก 3 , 6 เป็นพหุคูณของ 3 ซึ่งซ้ำกับกรณีเเรก ดังนั้นวันที่ควรจะเป็นวันเกิดของเด็ก คือ 1 3 6 9 12 15 18 21 24 27 30
ซึ่งมีทั้งหมด 11 วัน
ดังนั้นความน่าจะเป็นที่เพื่อนจะทายวันเกิดได้ถูกต้อง = 1/11
ตอบ 1/11

ที่มา หนังสือคณิตศาสตร์ ม. 4- 5-6



วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โจทย์คณิตศาสตร์วันที่26 ส.ค 2552

โจทย์คณิตศาสตร์ชวนคิด

1.สามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกอยู่ 2 คน มีทรัพย์สินอยู่ 10 อย่าง โดยที่ ถ้าจัดกลุ่มตามมูลค่าที่ใกล้เคียงกันจะแบ่งได้ 2 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งมี 4 อย่าง กลุ่มที่สองมี 6 อย่างและได้เขียนพินัยกรรมโดยระบุว่าลูกคนโตได้ทรัพย์สินจากกลุ่มที่หนึ่ง 2 อย่าง และจากกลุ่มที่สอง 3 อย่าง ผู้จัดการมรดกจะแบ่งทรัพย์สินให้ลูกคนโตได้กี่วิธี
1. 120
2. 240
3. 252
4. 1440

เฉลย ข้อ 1.
วิธีทำ ผู้จัดการมรดกจะแบ่งทรัพย์สินให้แก่ลูกคนโตตามลำดับขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกทรัพย์สินจากกลุ่มที่หนึ่ง 2 อย่างได้ 4C2 วิธี
ขั้นตอนที่ 2 เลือกทรัพย์สินจากกลุ่มที่สอง 3 อย่าง ได้ 6C3 วิธี
เพราะฉะนั้นผู้จัดการมรดกแบ่งให้ลูกคนโตได้ 4C2 + 6C3 = 120 วิธี
-----------------------------------------------------------------------------------------
2.บริษัทแห่งหนึ่งมีงานว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ที่แตกต่างกัน ถ้ามีผู้สมัครเข้าทำงาน 4 คน คือ ก ข ค ง เมื่อทำการสัมภาษณ์แล้ว ปรากฏว่าคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ 1 คือ ก ข ค คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ 2 คือ ข ค ง ข้อใดต่อไปนี้เป็นจำนวนวิธีที่แตกต่างกัน ที่บริษัทจะบรรจุคนเข้าทำงาน โดยให้คนเหมาะสมกับงาน
1. 9
2. 7
3. 6
4. 3
เฉลย ข้อ 2.
กรณีที่ 1 ตำแหน่งที่ 1 บรรจุ ก เข้าทำงานได้ 1C1 . 3C1 = 3วิธี
กรณีที่ 2 ตำแหน่งที่ 1 บรรจุ ข หรือ ค เข้าทำงานได้ 2C1 . 2C1 = 4 วิธี
วิธีที่บรรจุคนเข้าทำงานได้ทั้งหมด 3+4 = 7 วิธี
---------------------------------------------------------------------------------
3.จำนวนวิธีจัดผู้ชาย 3 คน และผู้หญิง 4 คนให้นั่งในแถว โดยที่ผู้ชายจะนั่งในตำแหน่งเลขคู่เสมอมีค่าเท่ากับข้อใดต่อไปนี้
1. 12
2. 144
3. 288
4. 5040

เฉลย ข้อ 2.
วิธีทำ ขั้นตอนที่ 1 จัดผู้หญิง 4 คนอยู่ในตำแหน่ง 1 3 5 7 ทำได้ 4! วิธี
ขั้นตอนที่ 2 จัดผู้ชาย 3 คนให้อยู่ในตำแหน่ง 2 4 6 ได้ 3! วิธี
จำนวนวิธีจัก เท่ากับ 4!3! = 144 วิธี
-----------------------------------------------------------------------------------------
4.ในการแข่งขันฟุตบอลของทีมโรงเรียนต่างๆ จำนวน 50 ทีม ถ้าจัดการแข่งขันแบบพบกันหมดจำนวนครั้งของการจัดการแข่งขันทั้งหมดจะเท่ากับข้อใดต่อไปนี้
1. 1176
2. 1225
3. 2450
4. 2540
เฉลย ข้อ 2
วิธีทำ 50C2 = 1225 วิธี
-----------------------------------------------------------------------------------------
5.เด็กชายดำมีหนังสือการ์ตูน 7 เล่ม เด็กหญิงแดงมีหนังสือการ์ตูน 9 เล่ม เด็กทั้ง 2 ต้องการแลกหนังสือคนละ2 เล่มจะมีวิธีแลกทั้งสิ้นกี่วิธี
เฉลย 756 วิธี
วิธีทำ ขั้นตอนที่ 1 เด็กชายดำเลือกหนังสือ 2 เล่มจาก 7 เล่ม ทำได้ 7C2 = 21
ขั้นตอนที่ 2 เด็กหญิงแดงเลือก 2 เล่มจาก 9 เล่ม ทำได้ 9C2 = 36
เด็กทั้ง 2 มีวิธีแลกหนังสือเท่ากับ 21 . 36 = 756วิธี
ขอขอบคุณ http://14315.multiply.com/journal/item/1/1

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วัยรุ่นกับความสัมพันธ์ชายและหญิง

วัยรุ่นและสัมพัธภาพในชายและหญิง

จากสถิติจะเห็นว่า ทุกวันนี้เด็ก ๆ เริ่มเรียนรู้กับเพศศึกษาเร็วขึ้น และไม่มีการดูแลให้ได้รับความรู้ที่ ถูกต้องอย่างทั่วถึงและพอดี จึงก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรของนักเรียน ปัญหาการจับคู่อยู่กันอย่างสามี-ภรรยาในหอพักของนักศึกษา ปัญหาการตั้งครรภ์ ปัญหาโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ ปัญหาอาชญากรรมอันเกิดจากการหึงหวง ปัญหาการฆ่าตัวตาย และโรคซึม เศร้าหรืออื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น
ลองมาดูบทวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจากกลอนในบทนี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่า การที่คุณผ่าน ร้อนผ่านหนาว หรือ ผ่านน้ำร้อนมาก่อนพวกเด็ก ๆ ไม่ได้รับประกันว่า คุณจะต้องเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหา ให้พวกเขาได้ในทุก ๆ เรื่องเสมอไป
สิ่งที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเด็กเองหรือพ่อแม่ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ที่เคารพ หรือ แม้แต่ผู้มีอำนาจในสังคมทั้งหลาย ต้องหันมามองและเข้าใจในธรรมชาติของปัญหาให้มากขึ้น แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ให้ความรักความอบอุ่นในครอบครัวอย่างเพียงพอ ทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแน่นอน
ลักษณะความสัมพันธ์ของชายหญิงในสมัยก่อนกีบในปัจจุบันก็มีความแตกต่างเช่นเดียวกัน เพราะมี ความคิดว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายเสียหายได้ง่ายและสังคมในสมัยนั้นเป็นสังคมที่แคบ สมาชิกในสังคมจะมีความ สนิทสนมกันมาก หากใครทำผิด ทุกครัวเรือนก็จะรู้กันทั่วไป จึงทำให้สังคมต้องสร้างกฎเกณฑ์ของสังคมขึ้นมา ซึ่งมารวมถึงความสัมพันธ์ของหญิงและชาย หรือที่เราเรียกกันว่า “ แฟน ”
จะเห็นได้ว่า มีการเปิดกว้างมากกว่าในอดีตมาก เนื่องจากสังคมมีการเปลี่ยนแปลง อาทิเช่น สังคมมี ลักษณะที่กว้างขึ้นหรือที่เรียกว่า พหุสังคม ทำให้ลักษณะการวางกฎเกณฑ์ของสังคมมีลักษณที่ยืดหยุ่นขึ้น

ขอขอบคุณhttp://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m3-4/no09-24-32-38/page12.html

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การคบเพื่อน

หลักในการคบเพื่อน


คนเราเกิดมาต้องมีเพื่อนกันทุกคน เพราะว่า เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่กันเป็นสังคม มีสัมพันธภาพเป็น สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลต่อการดำรงชีวิตของบุคคลหนึ่งอย่างที่สุด คำสอนที่ว่า " คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล " นั้นยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย การที่เด็กคนหนึ่งเกิดมาในสังคมหนึ่ง ซึ่งมีทั้งคนดีและ ไม่ดีปะปนผสมกันไปนั้น ย่อมต้องส่งผลต่อเส้นทางเดินของเด็กคนนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเราสังเกตดูให้ดี ให้ลึก และมีจิตใจเป็นกลาง เราจะพบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ล้วนมีเพื่อนดีกันทุกคน เพื่อนที่ ดีที่ว่านี้คือ บุคคลซึ่งปิดทองหลังพระคอยตักเตือนชี้แนะ คอยนำพาเราไปพบแต่สิ่งดี ๆ และนำสิ่งดี ๆ มาให้เรา เสมอโดยโดยไม่หวังผลตอบแทน การที่เด็กสมัยนี้จะเป็นคนดีมีคุณธรรมได้นั้น นอกจากต้องได้รับความดูแลเอา ใจใส่และให้การอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ครูอาจารย์แล้ว เพื่อนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะนำพาให้เขาถึงฝั่งฝันสมใจ ปองของทุก ๆ คนได้ง่าย ลองดูหลักในการคบเพื่อน และ ความหมายของการคบบัณฑิตกันดีกว่า เผื่อจะได้ความ หมายของคำว่า มีศตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรที่เป็นพาลและนำไปไช้ในชีวิตประจำวันอย่างเกิดประโยชน์เราควร

มีหลักการคบเพื่อนอย่างไรบ้าง

1) คนพาลชอบชักนำไปในทางที่ผิด เช่นชักชวนไปกินเหล้าเมายา เที่ยวกลางคืน

2) คนพาลไม่ชอบวินัย ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองและประพฤติผิดศีลธรรม

3) คนพาลชอบแต่สิ่งที่ผิด ชอบเห็นความพินาศของผู้อื่นเมื่อเวลาตัวเองทำผิดก็ภูมิใจ

4) คนพาลชอบทำในสิ่งทีไม่ใช่ธุระของตนคือ ชอบไปก้าวก่ายธุระหน้าที่ของผู้อื่น ปล่อยปละละเลย ชีวิตของตน

5) คนพาลแม้พูดจาดี ๆ ด้วยก็โกรธ เมื่อเห็นใครทีมีลักษณะเลวทรามเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 5 ประการ ให้ตั้งข้อสงสัยเลยว่า เขาเป็นคนพาลไม่ควรคบหาด้วย


สำหรับบัณฑิตนั้นในทางธรรมหมายถึง ผู้รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้บุญ รู้บาป ซึ่ง อาจรับปริญญาหรือไม่ก็ตามแต่สามารถดำเนินชีวิตด้วยความรู้เหล่านั้นด้วยดี เมื่อเราคบบัณฑิตเป็นเพื่อน เราจะ ได้รับการถ่ายทอดความประพฤติและนิสัยที่ดีจากบัณฑิต ทำให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ทั้งด้านการ งานเงินและชีวิตส่วนตัว ถึงแม้เราจะมีศัตรูเป็นบัณฑิตกับความเห็นผิดของเราเท่านั้น เมื่อเรากลับตัวเป็นคนดี บัณฑิตย่อมไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่จะกลับเป็นมิตรแท้ให้แก่เราจนวันตาย เพราะฉะนั้นมีศัตรูเป็นบัณฑิตจึงดี กว่ามิตรทีเป็นพาล



ขอขอบคุณ http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m3-4/no09-24-32-38/page06.html

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด


การคุมกำเนิดมีวิธีการอยู่หลายวิธีที่สามารถใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญคือต้องค้นหาวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แพทย์ ผู้ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ นางผดุงครรภ์และพยาบาลสามารถให้คำแนะนำด้านการคุมกำเนิดกับคุณได้ โดยทุกคนที่ทำงานในสำนักงานแพทย์ คลินิกบริการด้านสุขภาพของรัฐ หรือโรงพยาบาลมีหน้าที่ในการเก็บรักษาความลับ
-ถุงยาง
-ถุงยางอนามัยสตรี
-ยาฆ่าอสุจิ
-ยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน
-ยาเม็ดคุมกำเนิด
-แหวนใส่ช่องคลอด
-แผ่นคุมกำเนิด
- ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว
ห่วงคุมกำเนิดประเภท Hormone coils
ยาฝังคุมกำเนิด
ห่วงคุมกำเนิดประเภท Copper coils
การทำหมัน
การคุมกำเนิดฉุกเฉิน
วิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือไม่ได้
ถุงยาง
ถุงยางคือปลอกยางเนื้อบางที่สามารถม้วนออกเพื่อครอบองคชาตขณะแข็งตัว ควรสวมถุงยางตลอดช่วงเวลาการร่วมเพศ ความน่าเชื่อถือของถุงยางจะมีมากขึ้น หากใช้ร่วมกับโฟมหรือครีมฆ่าเชื้ออสุจิ ถุงยางยังสามารถใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ ถุงยางมีจำหน่ายทั่วไป ทั้งในร้านอาหาร ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ถุงยางมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้ได้ถูกต้อง
ถุงยางอนามัยสตรี
ถุงยางอนามัยสตรีคือปลอกยางที่มีความยืดหยุ่นสำหรับสอดเข้าในช่องคลอดของผู้หญิงเพื่อปกปิดปากมดลูก ถุงยางอนามัยสตรีมีจำหน่ายในขนาดต่าง ๆ โดยแพทย์จะต้องเป็นผู้สวมใส่ให้ ควรใช้ถุงยางอนามัยสตรีร่วมกับครีมฆ่าเชื้ออสุจิ ถุงยางอนามัยสตรีสามารถสวมใส่ในตอนใดก็ได้ก่อนการร่วมเพศและควรสวมทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อยหกชั่วโมงหลังการใส่ ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถใส่ถุงยางอนามัยสตรีได้ ถุงยางอนามัยสตรีและครีมฆ่าเชื้ออสุจิเป็นวิธีการในการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้หากสวมใส่ลงในช่องคลอดอย่างถูกต้อง
ยาฆ่าอสุจิ
ยาฆ่าอสุจิใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยสตรี ทั้งนี้ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับการคุมกำเนิดหากใช้เพียงอย่างเดียว ผลิตภัณฑ์นี้ทำขึ้นเป็นครีม โฟม เยลลี่หรือยาสอด ยาฆ่าเชื้ออสุจิสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยาคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไม่มีเอสโตรเจนมีอยู่เพียงประเภทเดียวในตลาดนอร์เวย์ ยาเม็ดนี้ป้องกันการตกไข่ของผู้หญิง(เมื่อมีการผลิตไข่) เพื่อให้ยาเกิดประสิทธิภาพ จะต้องใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ยานี้ยังสามารถใช้กับหญิงให้นมบุตรได้ ยาตัวนี้มีความเชื่อถือได้ 100% หากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อหาซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไม่มีเอสโตรเจน
ยาเม็ดคุมกำเนิด
©Stephen Meddle/Rex Features/All Over Press
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติมีจำหน่ายในท้องตลาดมากว่า 30 ปี โดยประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์สองประเภท ได้แก่ เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ฮอร์โมนทั้งสองชนิดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ผลิตเลียนแบบฮอร์โมนจากรังไข่ ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่ต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำการใช้ยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับคุณและเขียนใบสั่งยาให้ ยาเม็ดคุมกำเนิดขัดขวางการตกไข่และทำให้ไข่ไม่สามารถฝังตัวลงในผนังมดลูกได้ ยาเม็ดคุมกำเนิดมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อซื้อยาเม็ดคุมกำเนิด
หญิงอายุเกิน 35 ปีและสูบบุหรี่ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด รวมทั้งผู้หญิงที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม โรคหัวใจหรือโรคร้ายแรงทางตับ
แหวนใส่ช่องคลอด
แหวนใส่ช่องคลอดเป็นวงแหวนอ่อนนุ่มที่มีความยืดหยุ่นสามารถสวมลงในช่องคลอดได้ด้วยตัวเอง แหวนใส่ช่องคลอดประกอบด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณที่น้อยกว่ายาเม็ดคุมกำเนิด แหวนใส่ช่องคลอดจะค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมา ควรใส่แหวนช่องคลอดทิ้งไว้ในช่องคลอดเป็นเวลาสามสัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยถอดและสวมแหวนใหม่หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แหวนใส่ช่องคลอดช่วยป้องกันการตกไข่ แหวนนี้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย สามารถหาซื้อแหวนใส่ช่องคลอดได้จากร้ายขายยาโดยต้องมีใบรับรองแพทย์ นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ผู้หญิงที่ไม่สามารถใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดจะไม่สามารถใช้แหวนคุมกำเนิดได้เช่นกัน
แผ่นคุมกำเนิด
แผ่นคุมกำเนิดจะมีปริมาณเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในระดับเท่ากับยาเม็ดคุมกำเนิดแต่
โดสการใช้ยาต่ำที่สุด ฮอร์โมนจะถูกปล่อยออกมาผ่านทางผิวหนัง แผ่นคุมกำเนิดควรจะเปลี่ยนในวันเดียวกันของแต่ละสัปดาห์รวมเป็นเวลาสามสัปดาห์ หลังจากใช้แผ่นคุมกำเนิดไปแล้วสามสัปดาห์ คุณต้องหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ก่อนใช้แผ่นคุมกำเนิดใหม่ในวันเดียวกันของสัปดาห์ แผ่นคุมกำเนิดใช้เพื่อป้องกันการตกไข่ สามารถหาซื้อแผ่นคุมกำเนิดได้จากร้านขายยาโดยต้องมีใบรับรองแพทย์ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเชื่อถือได้พอกับยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว
ยาคุมแบบโปรเจสโตเจนอย่างเดียว (Mini pill) ประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ชนิดเดียวคือ
โปรเจสโตเจน ควรใช้ยาตัวนี้ในเวลาเดียวกันของทุกวัน หากลืมใช้ยาจนเลยเวลาไปแล้วเกินกว่า 27 ชั่วโมง จำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดเพิ่มเติมสำหรับช่วง 14 วันถัดไป ให้ใช้ยาตามปกติ จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อรับยาตัวนี้
ห่วงคุมกำเนิดประเภท Hormone coils
ห่วงคุมกำเนิดชนิดนี้ (Intrauterine System (IUS) หรือ Intrauterine Device (IUD)) เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้สอดเข้าในมดลูกของผู้หญิงโดยแพทย์ การใส่ห่วงคุมกำเนิดอาจให้ความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่อาการดังกล่าวจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หากยังรู้สึกไม่สบาย ให้สอบถามจากแพทย์ ห่วงคุมกำเนิดจะไปขัดขวางการเติบโตของเยื่อบุผนังมดลูก ทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเจาะเข้าในเยื่อบุปากมดลูก นอกจากนี้ยังไปขัดขวางไม่ให้เชื้ออสุจิเคลื่อนผ่านปากมดลูก ห่วงคุมกำเนิดสามารถใช้ได้เป็นเวลาหลายปี และเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีความน่าเชื่อถือสูง
ยาฝังคุมกำเนิด
ยาฝังคุมกำเนิดมีจำหน่ายในนอร์เวย์อยู่สองประเภทด้วยกัน โดยมีขนาดเท่ากับไม้ขีดไฟและประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนสังเคราะห์ ใช้โดยการสอดเข้าใต้ท้องแขนของผู้หญิงเป็นระยะเวลาสามถึงห้าปี ขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ฝังตัวยา ยาฝังคุมกำเนิดทำงานโดยป้องกันการตกไข่และส่งผลต่อการสร้างเมือกบริเวณปากมดลูกทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเข้าถึงมดลูกและท่อรังไข่ได้ ยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้
ห่วงคุมกำเนิดประเภท Copper coils
©Steinar Myhr/Samfoto
ห่วงคุมกำเนิดชนิดนี้ (Intrauterine System (IUS) หรือ Intrauterine Device (IUD)) ใช้งานโดยสวมเข้าในมดลูกเหมือนกับห่วงคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน ห่วงคุมกำเนิดประเภทนี้จะขัดขวางไม่ให้ไข่ฝังตัวลงในมดลูกได้ และสามารถขัดขวางเชื้ออสุจิไม่ไห้เคลื่อนเข้าไปในมดลูก ห่วงคุมกำเนิดประเภทนี้ใช้ได้ผลดีเป็นเวลาห้าถึงสิบปี และถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีพอสมควร Copper coils สามารถทำให้ประจำเดือนมีมากกว่าปกติและอาจมีอาการปวดประจำเดือนตามมา
การทำหมัน
การทำหมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคุมกำเนิด ผู้ชายหรือผู้หญิงที่ทำหมันจะไม่สามารถมีบุตรได้ หากทำหมันแล้วการแก้ไขในภายหลังจะทำได้ยาก ดังนั้นจึงควรคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำหมัน
การคุมกำเนิดฉุกเฉิน
หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฝ่ายหญิงตกไข่ โอกาสในการตั้งครรภ์จะอยู่ที่ 20% หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้วิธีการคุมกำเนิดในช่วงนี้ คุณสามารถซื้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ที่ร้านขายยา ยาเม็ดเหล่านี้ประกอบด้วยฮอร์โมนในปริมาณสูงซึ่งจะต้องใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลังจากผ่านไปสามถึงสี่สัปดาห์เพื่อตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ยาชนิดนี้อาจส่งผลต่อตัวอ่อนหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หรืออาจสวมห่วงคุมกำเนิดภายในห้าวันหลังการร่วมเพศที่เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์.
วิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือไม่ได้
ช่วงปลอดภัย
ตามทฤษฎี เราสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้หากไม่มีการร่วมเพศในช่วงที่ผู้หญิงกำลังตกไข่ แต่เป็นวิธีการที่เชื่อถือไม่ค่อยได้เนื่องจากระยะเวลาและรอบเดือนของช่วงการตกไข่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป
วิธีการหลั่งภายนอก
หากการร่วมเพศถูกขัดขวางก่อนการหลั่งเชื้ออสุจิ อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก เชื้ออสุจิบางส่วนอาจเล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดก่อนการหลั่งเกิดขึ้น ทำให้เชื้ออสุจิที่ผิวหนังรอบ ๆ ปากมดลูกเคลื่อนตัวเข้าไปในปากมดลูกได้

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การทำโครงงานคณิตศาสตร์

การทำโครงงานคณิตศาสตร์
เค้าโครงงาน
ชื่อโครงงาน
ชื่อผู้จัดทำ
ชื่อที่ปรึกษา
1.ที่มาและความสำคัญ
2.จุดประสงค์
3.ขั้นตอนการทำโครงงาน
4.ผลการทำงาน
5.สรุป
บรรณานุกรม

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การดูแลผิวหน้าแต่ละวัย
ย่อมแตกต่างกันตามสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังเป็นสาวหน้าใส ผิวพรรณ เต่งตึง การทาแค่ครีมกันแดด และล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์สูตรอ่อนโยนก็อาจจะเพียงพอ แต่เมื่อวัยมากขึ้นรอยตีนกาเริ่มมาเยือน ผิวหน้าที่เคยเนียนใส กลับดูแห้งหรือหยาบมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวอาจจะดูยุ่งยาก และต้องใส่ใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาของผิวจะเริ่มปรากฎมากขึ้นนั่นเอง
วัย15-20 การดูแล : วัยรุ่นกับสิวเป็นของคู่กันเสมอ สิวในช่วงนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ และมีตัวก่อกวนอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น การแคะ แกะ หรือบีบสิว รวมทั้งความเครียดและอดนอนจริง ๆ แล้ว สิวที่เกิดขึ้นมักหายไปเองตามธรรมชาติ ถ้าเราไม่ไปกดสิว ปัญหารอยดำ และการอักเสบก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากไม่หาย ก็ปรึกษาคุณหมอเถอะค่ะ การดูแลผิวในวัยสาวน้อย ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้งก็พอ และหลีกเลี่ยงเคลนเซอร์หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะค่อนข้างแรงกับผิวอาจทำให้ผิวใส ๆ ดูกร้านก่อนวัยได้
วัย 20 ปีขึ้นไปการดูแล : ปัญหาเรื่องสิว จะลดน้อยลง ยกเว้นในคนที่ผิวมัน ที่อาจมีเม็ดสิวเป้ง ๆ ให้รำคาญใจได้ หรือคนที่มีฮอร์โมนเพศสูง ก็อาจมีสิวโผล่อยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ ในช่วงสาววัย 16 ได้ดี บางครั้งอาจจะไม่เหมาะกับสาววัยนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากผิวหน้าที่เคยอ่อนใส อาจดูหมองคล้ำ หรือแห้งกร้านได้ตามวัยที่มากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตาย และเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่งมากขึ้นและไม่ลืมทาครีมป้องกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน เพราะแสงแดด จะทำให้ริ้วรอยมาเยือนผิวได้เร็วขึ้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอนค่ะ นอกจากนี้การใช้ AHA จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน และหากเลี่ยงแดดแรง ๆ ได้ก็ควรทำค่ะ หรือจะเลือกการขัดผิวด้วยครีมขัดผิว ซึ่งผลิตมาเพื่อใช้กับผิวหน้าที่บอบบางก็สะดวกดีค่ะ วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง ควรทำหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้ว แต้มเจลหรือครีมขัดผิว ลงบนผิวหน้า 5 จุดคือ บริเวณ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้างจมูก และคาง เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง ซึ่งมีแรงกด ค่อนข้างเบา นวดเป็นวงกลมไปในทิศเดียวกัน จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอก ทำให้ผิวหน้านวลผ่อง สดใสขึ้น ทำสัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ หลังจาก ขัดผิวแล้วอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้ง ซึ่งการขัดผิวจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมสู่ผิวได้ล้ำลึกขึ้น

วัย 30 ปีขึ้นไปการดูแล : ผิวหน้าของสาววัยนี้ จะมีปัญหาของริ้วรอยใต้ตา โดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้ม รอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก จะเริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่ง สดใสก่อนหน้านี้ ก็จะเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวหน้าจะดูหยาบกร้านขึ้น รูขุมขนโตขึ้น การดูแลผิวจึงต้องครบเครื่องมากขึ้น ทั้งการขัดผิว และมาสค์หน้า จะช่วยขจัดการหลุดลอกของผิวชั้นนอก และช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างจากรูขุมขนส่วนลึกได้ดี ทำให้หน้าสะอาด กระชับและสดใสขึ้น และสำหรับผิวหน้าที่ เริ่มมีริ้วรอยควรเลือกมาส์ค ที่มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลังการพอกหน้าและล้างสะอาดแล้ว จะทำให้หน้าผ่อง เนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการเลือกครีมบำรุงผิวของสาววัยนี้ ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นพิเศษ เพราะผิวหน้าจะเริ่มแห้งมากขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวหน้าตามธรรมชาติ ผลิตน้อยลง และควรเลือกชนิดเนื้อเบา เพื่อไม่ให้ไปอุดตันรูขุมขน


นอกจากนี้ การใช้อายเจลหรืออายครีม ก็จะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตา ชุ่มชื้นและสดใสขึ้น ส่วนครีมกันแดด ก็จำเป็นต้องใช้เป็นประจำทุกวัน

มาสก์พอกหน้าแบบประหยัดมาสค์พอกหน้าจากโยเกิร์ตล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งสดใส

มาสค์พอกหน้าจากมะละกอนำมะละกอมาปั่นให้ละเอียด นำพอกให้ทั่วผิวหน้า ในมะละกอจะมีเอนไซม์ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หมดได้ จึงทำให้ผิวหน้า สดใส เปล่งปลั่ง


ขอขอบคูณ
ข้อมูลจาก
http://www.siamha.com/issue/data/4/00000041-1.html

ดูแลผิวหน้า

ดูแลผิวหน้าแต่ละวัย

ย่อมแตกต่างกันตามสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังเป็นสาวหน้าใส ผิวพรรณ เต่งตึง การทาแค่ครีมกันแดด และล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์สูตรอ่อนโยนก็อาจจะเพียงพอ แต่เมื่อวัยมากขึ้นรอยตีนกาเริ่มมาเยือน ผิวหน้าที่เคยเนียนใส กลับดูแห้งหรือหยาบมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวอาจจะดูยุ่งยาก และต้องใส่ใจกันมากขึ้น เพราะปัญหาของผิวจะเริ่มปรากฎมากขึ้นนั่นเอง
วัย15-20 การดูแล : วัยรุ่นกับสิวเป็นของคู่กันเสมอ สิวในช่วงนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ และมีตัวก่อกวนอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น การแคะ แกะ หรือบีบสิว รวมทั้งความเครียดและอดนอนจริง ๆ แล้ว สิวที่เกิดขึ้นมักหายไปเองตามธรรมชาติ ถ้าเราไม่ไปกดสิว ปัญหารอยดำ และการอักเสบก็จะไม่เกิดขึ้น แต่หากไม่หาย ก็ปรึกษาคุณหมอเถอะค่ะ การดูแลผิวในวัยสาวน้อย ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้งก็พอ และหลีกเลี่ยงเคลนเซอร์หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะค่อนข้างแรงกับผิวอาจทำให้ผิวใส ๆ ดูกร้านก่อนวัยได้
วัย 20 ปีขึ้นไปการดูแล : ปัญหาเรื่องสิว จะลดน้อยลง ยกเว้นในคนที่ผิวมัน ที่อาจมีเม็ดสิวเป้ง ๆ ให้รำคาญใจได้ หรือคนที่มีฮอร์โมนเพศสูง ก็อาจมีสิวโผล่อยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้ ในช่วงสาววัย 16 ได้ดี บางครั้งอาจจะไม่เหมาะกับสาววัยนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากผิวหน้าที่เคยอ่อนใส อาจดูหมองคล้ำ หรือแห้งกร้านได้ตามวัยที่มากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตาย และเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าสดใส เปล่งปลั่งมากขึ้นและไม่ลืมทาครีมป้องกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้าน เพราะแสงแดด จะทำให้ริ้วรอยมาเยือนผิวได้เร็วขึ้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้แน่นอนค่ะ นอกจากนี้การใช้ AHA จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน และหากเลี่ยงแดดแรง ๆ ได้ก็ควรทำค่ะ หรือจะเลือกการขัดผิวด้วยครีมขัดผิว ซึ่งผลิตมาเพื่อใช้กับผิวหน้าที่บอบบางก็สะดวกดีค่ะ วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง ควรทำหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้ว แต้มเจลหรือครีมขัดผิว ลงบนผิวหน้า 5 จุดคือ บริเวณ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้างจมูก และคาง เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง ซึ่งมีแรงกด ค่อนข้างเบา นวดเป็นวงกลมไปในทิศเดียวกัน จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอก ทำให้ผิวหน้านวลผ่อง สดใสขึ้น ทำสัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ หลังจาก ขัดผิวแล้วอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้ง ซึ่งการขัดผิวจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมสู่ผิวได้ล้ำลึกขึ้น
วัย 30 ปีขึ้นไปการดูแล : ผิวหน้าของสาววัยนี้ จะมีปัญหาของริ้วรอยใต้ตา โดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้ม รอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก จะเริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่ง สดใสก่อนหน้านี้ ก็จะเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวหน้าจะดูหยาบกร้านขึ้น รูขุมขนโตขึ้น การดูแลผิวจึงต้องครบเครื่องมากขึ้น ทั้งการขัดผิว และมาสค์หน้า จะช่วยขจัดการหลุดลอกของผิวชั้นนอก และช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างจากรูขุมขนส่วนลึกได้ดี ทำให้หน้าสะอาด กระชับและสดใสขึ้น และสำหรับผิวหน้าที่ เริ่มมีริ้วรอยควรเลือกมาส์ค ที่มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลังการพอกหน้าและล้างสะอาดแล้ว จะทำให้หน้าผ่อง เนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการเลือกครีมบำรุงผิวของสาววัยนี้ ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นพิเศษ เพราะผิวหน้าจะเริ่มแห้งมากขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวหน้าตามธรรมชาติ ผลิตน้อยลง และควรเลือกชนิดเนื้อเบา เพื่อไม่ให้ไปอุดตันรูขุมขน นอกจากนี้ การใช้อายเจลหรืออายครีม ก็จะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตา ชุ่มชื้นและสดใสขึ้น ส่วนครีมกันแดด ก็จำเป็นต้องใช้เป็นประจำทุกวันมาสก์พอกหน้าแบบประหยัดมาสค์พอกหน้าจากโยเกิร์ตล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งสดใส
มาสค์พอกหน้าจากมะละกอนำมะละกอมาปั่นให้ละเอียด นำพอกให้ทั่วผิวหน้า ในมะละกอจะมีเอนไซม์ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หมดได้ จึงทำให้ผิวหน้า สดใส เปล่งปลั่ง ข้อมูลจาก


ขอขอบคุณ http://www.siamha.com/issue/data/4/00000041-1.html

การวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
ความหมายของคำต่างๆที่จะช่วยให้เข้าใจวิธีการทางสถิติมากขึ้น มีดังนี้ กลุ่มประชากร หมายถึง กลุ่มที่มีลักษณะที่เราสนใจ หรือกลุ่มที่เราต้องการจะศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เปรียบเหมือนเอกภพสัมพัทธ์ในเรื่องเซต กลุ่มตัวอย่าง หมายถึง ส่วนหนึ่งของกลุ่มประชากรที่เราสนใจ ในกรณีที่กลุ่มประชากรที่จะศึกษานั้นเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ เกินความสามารถหรือความจำเป็นที่ต้องการ หรือเพื่อประหยัดในด้านงบประมาณและเวลา สามารถศึกษาข้อมูลเพียงบางส่วนของกลุ่มประชากรได้ ค่าพารามิเตอร์ หมายถึง ค่าต่างๆที่คำนวณมาจากกลุ่มประชากร จะถือเป็นค่าคงตัว กล่าวคือ คำนวณกี่ครั้งๆก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ค่าสถิติ หมายถึง ค่าต่างๆที่คำนวณมาจากกลุ่มตัวอย่าง จะเป็นค่าที่เปลี่ยนแปลงได้ตจามกลุ่มตัวอย่างที่เลือกสุ่มมา จึงถือว่าเป็นค่าตัวแปรสุ่ม ตัวแปร ในทางสถิติ หมายถึง ลักษณะบางอย่างที่เราสนใจ ค่าของตัวแปร อาจอยู่ในรูปข้อความ หรือตัวเลขก็ได้ ค่าที่เป็นไปได้ หมายถึง ค่าของตัวแปรที่อาจจะเกิดขึ้นได้จริง ค่าจากการสังเกต หมายถึง ค่าที่เก็บรวบรวมได้มาจริงๆ
การแจกแจงความถี่ของข้อมูล (Frequency Distribution)เป็นวิธีการทางสถิติอย่างหนึ่งที่ใช้ในการจัดข้อมูลที่มีอยู่ หรือที่เก็บรวบรวมมาได้ให้อยู่เป็นกลุ่มๆ เพื่อสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น การแจกแจงความถี่ จัดเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. การแจกแจงความถี่แบบไม่จัดเป็นอันตรภาคชั้น ใช้กับข้อมูลที่มีค่าสูงสุดและต่ำสุดของข้อมูลไม่แตกต่างกันมากนัก หรือข้อมูลที่มีค่าของจำนวนที่ต่างกันมีไม่มาก 2. การแจกแจงความถี่แบบจัดเป็นอันตรภาคชั้น ใช้กับข้อมูลที่มีค่าสูงสุดและต่ำสุดของ ข้อมูลแตกต่างกันมาก หรือการแจกแจงไม่สะดวกที่จะใช้ค่าสังเกตทุกๆค่า เพื่อความสะดวกจึงใช้วิธีแจกแจงความถี่ของค่าที่เป็นไปได้แทน โดยแบ่งค่าที่เป็นไปได้ออกเป็นช่วง หรืออันตรภาคชั้น (Interval)